(28 ม.ค.60) ร.ต.อ.ธนัช นครไธสง ร้อยเวรฯ สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุสามีใช้สว่านทำร้ายภรรยาเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผกก.สภ.กระสัง รับทราบ ก่อนจะรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.ศุภกฤต คุณประทุม รองผกก.(สอบสวน) สภ.กระสัง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบญาติพี่น้องผู้ตายและชาวบ้านยืนมุงอยู่บ้านหลังเกิดเหตุจำนวนมาก
จากนั้นได้ขึ้นไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นห้องนอนอยู่บริเวณชั้นสองของบ้าน ก็พบข้าวของกระจัดกระจายและคราบเลือดไหลนองอยู่เต็มที่นอน และพบสว่านเปื้อนเลือดวางอยู่บนที่นอนด้วย คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนร่างของ น.ส.เบญจมาศ อายุ 22 ปี ผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลสองชั้น ได้นำส่งโรงพยาบาลกระสังก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว
ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายวินัย อายุ 40 ปี เป็นสามีของ น.ส.เบญจมาศ ผู้ตาย ซึ่งปัจจุบันมีอาชีพรับเหมาทำหินขัด หลังก่อเหตุได้กระโดดหน้าต่างหลบหนี แต่ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ขณะเดินเท้าไปตามถนนสายบุรีรัมย์ – สุรินทร์ ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ 3 กิโลเมตร ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวนายวินัย ก็อยู่ในสภาพเสื้อผ้าเต็มไปคราบเลือด พูดจาไม่รู้เรื่องคล้ายคนเมา จึงได้ควบคุมตัวไปที่ สภ.กระสัง และนำไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดก็พบฉี่สีม่วง จึงนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านก็พบอุปกรณ์ในการเสพยาบ้าจึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายวินัยก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าภรรยาของตัวเองจริง โดยใช้สว่านแบบไร้สายใส่ถ่าน ทุบและเจาะศีรษะ ใบหน้า แขน หลายแผล เพราะเกิดอาการจิตหลอนหวาดระแวงว่าจะมีคนมาทำร้ายตัวเอง
อย่างไรก็ตามตำรวจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นก็ได้แจ้ง 3 ข้อหาหนัก ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และกระทำความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ก่อนจะควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนางสมนาง อายุ 49 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต บอกว่านายวินัย ได้มาอยู่กินกับลูกสาวของตนเองฉันท์สามีภรรยามา 3 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นทั้งสองทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรง ก็มีปากเสียงกันตามปกติเหมือนผัวเมียทั่วไป แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าลูกเขย
เสพยาเสพติด เพราะเช้ามาลูกเขยก็ออกไปทำงานรับเหมาทำหินขัด ส่วนลูกสาวก็ไปเป็นลูกมือด้วยกว่าจะกลับมาก็เย็น และก่อนเกิดเหตุก็เห็นลูกเขย นั่งดื่มเบียร์อยู่ในบ้านคนเดียวก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
กระทั่งเวลาประมาณตี 4 เศษ ได้ยินเสียงลูกสาวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จึงวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้องนอนแต่ถูกปิดล็อคไว้แน่นเข้าไปไม่ได้ จึงตะโกนให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงมาช่วยงัดฝาบ้านเพื่อจะเข้าไปช่วยลูกสาว แต่เมื่องัดฝาบ้านออกเข้าไปในห้องนอนได้ก็พบร่างของลูกสาวนอนแน่นิ่งจมกองเลือดแล้ว ในสภาพบาดแผลเต็มตัว จึงโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ชีพให้มาช่วยนำร่างลูกสาวโรงพยาบาลแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้เพราะลูกสาวเสียชีวิตแล้ว
ขณะที่นายเสนอ อายุ 58 ปี ลุงผู้เสียชีวิต ก็ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรมและลงโทษผู้ก่อเหตุฆ่าหลานสาวให้ถึงที่สุด เพราะถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุนเกินกว่าที่จะรับได้ ทั้งที่หลานของตนเองไม่ได้มีความผิดอะไร และไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้หรือหลบหนีได้เลย