บีม ซิงเกิ้ลมัมหัวใจแกร่ง ต้องสตรองเพื่อลูก!!!

03 October 2016
1160 view

"บีม วรานิษฐ์"  ทายาทตลกชื่อดัง คุณ ดี๋ ดอกมะดัน ที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน สร้างความเศร้าโศรกเสียใจให้แก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก แต่วันนี้ คุณบีมเล่าว่า เธอและครอบครัวเข้มเเข็งขึ้นมาก เพราะมีเจ้าตัวเล็ก "น้องโซร" ที่คอยสร้างรอยยิ้ม ความสุขให้กับครอบครัวของเธอ ถึงแม้เธอจะกลายเป็นซิงเกิ้ลมัมตั้งแต่เดือนแรกที่ท้องเธอก็ไม่ย่อท้อ ทะนุถนอมครรภ์ด้วยความรักจนถึงวันคลอดและเลี้ยงลูกเพียงลำพัง เหน็ดเหนื่อย แต่คุณบีมกลับมองว่าเธอนั้นโชคดีเพราะลูกคือความสุขที่สุดของเธอ คุณบีมเป็นคนแม่ที่สตองมากจริงๆ  สำหรับคุณแม่ที่กำลังเป็นซิงเกิ้ลเช่นเดียวกับแม่บีม Mama Expert เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ มาอ่านบทสัมภาษณ์คุณบีมกันค่ะ 

เห็นบอกว่าเป็นช่วงชีวิตที่ผ่านมรสุม รวมๆ แล้วทั้งหมดกี่ปี?

"ถ้าตั้งแต่พ่อป่วยก็ 7-8 ปีแล้วค่ะที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างเลยค่ะ"

สภาพจิตใจตอนนี้ลงตัวมากขึ้นไหม?

"ตอนนี้รู้สึกว่าเป็นช่วงชีวิตที่ลงตัวมากเลยค่ะ จากที่เราสูญเสียคุณพ่อไปทำให้เหลือกันเพียงสามคน แต่พอมีลูกเพิ่มขึ้นกลับกลายเป็นว่าครอบครัวมีครบสี่คนและมีผู้ชายเพิ่มเข้ามาเหมือนเดิมค่ะ ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขแต่มันก็ยังมีความเหนื่อยอยู่เพราะเราเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงด้วย เป็นความตั้งใจอยากจะทำให้ดีที่สุด มันเลยเหนื่อยที่สุดเลย (หัวเราะ) คือก่อนหน้านี้ที่พ่อไม่สบายแล้วเราต้องทำงานเองมันเป็นการเหนื่อยจากการทำงานอ่ะค่ะ และตอนนี้เราต้องทำงานด้วยเลี้ยงลูกเองด้วย ถ้าคนมีลูกเล็กๆ จะเข้าใจความเหนื่อยเวลาที่เราป่วย เราไม่ไหว เราต้องการพัก แต่มันพักไม่ได้ค่ะ ถ้าลูกยังเล่นอยู่เราก็ต้องอยู่กับเขา เราต้องเปลี่ยนแปลงตามลูกตลอด แต่ยังโชคดีที่บีมมีแม่และน้องสาวที่ยังช่วยกันอยู่ เราไม่ได้ตัวคนเดียวซะทีเดียว"

เห็นว่ากำลังเตรียมจะให้น้องโซรเข้าโรงเรียนแล้ว?

"ใช่ค่ะ ต้องเริ่มดูแล้ว พอเป็นแม่คนเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนบางโรงเรียนต้องจองตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง เราไม่ได้ขนาดนั้น เราแค่อยากได้โรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด ไม่อยากให้ลูกต้องตื่นแต่เช้า รถติด ทานข้าวบนรถ เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น"

เหลือเวลาอีกกี่ปีถึงจะได้เข้าโรงเรียน?

"อีกปีครึ่งเอง เร็วมาก ตอนนี้เริ่มไปดูแล้ว ถามว่าใจหายไหม ยังไม่รู้นะ เขาบอกกันว่าต้องเป็นวันแรกที่พาไปส่งจะมีเสียน้ำตา แต่ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันตลอดก็เลยยังไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แค่รู้สึกว่าเวลาแต่ละวันมันผ่านไปเร็วมาก เราต้องเตรียมความพร้อมตลอด บีมพาเขาไปเรียนว่ายน้ำ ไปทำกิจกรรมอยู่เรื่อยๆ คงไม่ใช่เรื่องยากในการเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ส่วนแม่ก็ต้องเตรียมเงินให้พร้อมค่ะ เพราะค่าเทอมสมัยนี้สูงอยู่เหมือนกัน"

ตอนนี้ถือว่าเราเป็นเสาหลักของครอบครัวเลยไหม?

"บีมกับน้องเบลช่วยกันทำงานหาเงินเป็นเสาหลักของบ้านค่ะ เขาช่วยดูแลน้องโซรได้ดีเลย คือถ้าขาดเบลหรือแม่ไป บีมคงแย่จนไม่รู้จะไหวหรือเปล่าค่ะ ตอนนี้เบลเขาเป็นแอ็คติ้งโค้ชที่โรงเรียนสอนการแสดงครูเงาะ และยังรับงานในวงการบ้าง ส่วนบีมก็ทำพิธีกร แบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ครีมแอร์เวส และทำธุรกิจเสื้อผ้ากับเพื่อนๆ อะไรที่ทำได้ทำหมดเลย ใช้เวลาทุกอย่างให้คุ้มค่า เราก็ช่วยๆ กัน"

สภาพจิตใจตอนนี้เราโอเคใช่ไหม?

"สบายดีค่ะ คือสภาพจิตใจบีมดีมาก กำลังใจสำคัญของบีมคือลูกถึงจะเป็นการเหนื่อยแต่ก็มีความสุขค่ะ แค่เขายิ้มและก็จะเดินเข้ามากอดแล้วลูบหลังปลอบเรา เรียกแม่แค่นี้มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มาก เหนื่อยแค่ไหนก็ยิ้มออกค่ะ"

ด้านคุณพ่อของน้องโซรมีโอกาสได้เข้ามาหาน้องบ้างหรือยัง?

"บีมว่าตอนนี้บีมยังไม่พร้อมค่ะ เขาได้เจอน้องแล้วตอนที่คลอด แต่บีมชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเป็นซิงเกิ้ลมัมทำหน้าที่ทั้งพ่อทั้งแม่ เลยอยากให้เขาไปมีชีวิตที่เป็นของเขา ตัวน้องโซรไม่ต้องเป็นห่วง และสิ่งที่หลายคนอาจสงสัยว่าถ้าเขาถามถึงพ่อล่ะ เราจะกีดกันไหม ไม่กีดกันแน่นอนค่ะ บีมเชื่อว่าลูกจะโตมาแบบไม่ขาด เพราะมีความรักและความอบอุ่นจากแม่ คุณยายและคุณน้าอย่างเต็มที่ อย่าไปคิดว่าเขาเป็นเด็ก บีมว่าเขารับรู้และทราบว่าครอบครัวเขาเป็นยังไง ถ้าวันนึงเขาโตขึ้นแล้วถามถึงพ่อเราก็จะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งบีมจะบอกเขาเสมอว่าพ่อเขาคือใครค่ะ ถ้าเขาอยากจะเจอก็ยินดีค่ะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอให้เขาโตและตัดสินใจเอง"

ที่ผ่านมาทางฝั่งคุณพ่อของน้องได้มีการหยิบยื่นความช่วยเหลือเรื่องการเลี้ยงดูน้องให้บ้างหรือเปล่า?

"เขารู้จักนิสัยของบีมดีค่ะไม่ต้องพูดอะไร แต่ถ้าเขาอยากจะเก็บหรือให้อะไรกับลูกให้เขาเก็บไว้ก่อนเลย วันนึงถ้าโซรโตให้เอามาให้และรับกลับมือคุณพ่อเอง เพราะตัวบีมเองไม่รับอยู่แล้วค่ะ เราชัดเจนมาตั้งแต่แรก ตอนนี้ไม่สามารถจะตอบอะไรแทนเข้าได้ต้องรอให้เขาโตแล้วให้ตัดสินใจเอง"

สำหรับอาการป่วยของน้องเบลตอนนี้เป็นอย่าไงบ้าง?

"ดีขึ้นมากแล้วค่ะ หลังจากผ่าตัดเซลล์มะเร็งเนื้อเยื่ออ่อนที่ต้นแขนซ้าย เป็นมะเร็งชนิดที่ไม่ลุกลามไปที่อื่น แน่ถ้าเป็นแล้วต้องตัดชิ้นส่วนของมะเร็งออกไปให้หมด ตอนนี้เป็นขั้นตอนของการเช็คผลการรักษา หมอนัดทุก 3 เดือน ทางการแพทย์ยืนยันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะหายขาด เราก็ต้องไม่ประมาท แต่เขาก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ น้องเบลเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้ว บ้านเราเข้มแข็งทุกคน ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ โรคภัยไข้เจ็บห้ามไม่ได้ แต่ถ้าเรามีจิตใจที่เข้มแข็งโรคภัยก็ไม่สามารถทำร้ายเราได้ง่ายๆ ทั้งทำงานทั้งเลี้ยงลูกยอมรับว่าเหนื่อย แต่มีความสุขมาก มองว่าเป็นรสชาติของชีวิต เกิดมาชาตินี้ถือว่าคุ้มแล้ว"


ขอบคุณข้อมูล : Sanook.com
ขอบคุณรูปภาพ : IG beam_sunbeam