เว็บไซต์ เซี่ยงไฮ้อิสต์ ของจีนรายงานว่า เกิดเหตุฆาตกรรมครอบครัวในเมืองโจวโข่ว มณฑลเหอหนาน ทางตะวันออกของจีนแผ่นดินใหญ่ โดยนางหลี่ หงเสีย อายุ 25 ปี ถูกนายจาง ย่าโจว สามีของเธอ ใช้เชือกรัดคอจนเสียชีวิต เมื่อช่วงดึกของวันที่ 25 ก.พ. ขณะนอนพักรักษาที่โรงพยาบาล หลังเข้ารับการผ่าตัดคลอดลูกก่อนกำหนด
พี่สาวของผู้ตายกล่าวว่า นายจางเข้ามาในห้องผู้ป่วยและใช้รัดคอภรรยาขณะนอนพักฟื้นจนเสียชีวิตทันที เมื่อแพทย์และพยาบาลมาพบศพของนางหลี่ จึงแจ้งให้ครอบครัวทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาใช้ความรุนแรงกับครอบครัว
สำนักข่าวซีน่าของจีนรายงานว่า ชนวนที่ทำให้สามีก้อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือน ก.พ. ก่อนเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน โดยทั้งคู่รวมญาติพี่น้องกัน แต่นางหลี่ต้องการกลับบ้านก่อน ขณะที่นายจางพยายามร้องขอให้ภรรยาอยู่ต่อ แต่นางหลี่ ให้เหตุผลว่าการกลับบ้านเป็นเรื่องที่ดี ที่จะอยู่ร่วมกับญาติพี่น้องสามีที่เลวร้าย ทำให้สามีโกรธแค้นอย่างมาก จึงบันดาลโทสะ ด่าทอและใช้เก้าอี้ไม้ทุบตีนางหลี่ขณะที่ท้องแก่เตรียมคลอดจนศีรษะแตก พร้อมสาปแช่งเธอ ทำให้พ่อแม่ของสามีต้องออกมาห้ามลูกชายตัวเอง สามีเก็บความแค้นและลงมือสังหารเธอในวันที่เธออ่อนแรงไม่มีทางสู้ เพราะผ่าตัดคลอดบุตรเพียงสองวัน ได้สำเร็จ
สหพันธ์สตรีแห่งชาติจีนออกรายงานผลสำรวจในปี 2558 พบว่า ผู้หญิงร้อยละ 30 จาก 270 ล้านคน เจอปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยผู้หญิงร้อยละ 14 บอกว่า ถูกสามีทำร้ายร่างกาย ขณะที่ผู้ชายร้อยละ 14.4 ยอมรับว่า ทำร้ายร่างกายภรรยา และคู่สมรสร้อยละ 25 หย่าร้างเพราะปัญหาข้างต้น
นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้หญิงร้อยละ 25 เจอกับความรุนแรงหลังแต่งงาน โดยได้รับเรื่องร้องเรียนมากถึง 40,000-50,000 เรื่องในแต่ละปี ซึ่งร้อยละ 90 เป็นปัญหาภรรยาถูกสามีทำร้ายร่างกาย ก่อนหน้านี้ รายงานในปี 2556 ระบุว่า ผู้ชายร้อยละ 50 ยอมรับว่า เคยทำร้ายร่างกายและคุกคามทางเพศภรรยาตัวเอง
ในส่วนภาคการเมือง ทางการจีนอนุมัติกฎหมายความรุนแรงภายในครอบครัวฉบับแรกเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค. แล้ว โดยครอบคลุมถึงการทำร้ายร่างกายและจิตใจ และอนุญาตให้ผู้ถูกกระทำยิ่นฟ้องกับตำรวจ ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 72 ช.ม. โดยผู้กระทำความผิดต้องรับโทษทางกฎหมายหากสอบสวนแล้วเป็นจริง อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงคู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกัน
ขอบคุณข่าวและภาพ : เว็บไซด์เซี่ยงไฮ้อิสต์