โรคปอดบวมในเด็กที่คุณแม่ต้องระวัง โดยเฉพาะเมื่อหน้าหนาวมาเยือน

21 January 2022
1843 view

โรคปอดบวมในเด็ก

.

.

เมื่อเข้าใกล้ฤดูหนาว อากาศที่หนาวเย็นส่งผลให้เด็กๆ ที่มีภูมิต้านทานน้อย มักเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะ โรคปอดบวม โรคยอดฮิตที่มักระบาดในช่วงนี้ ดังนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับโรคนี้กัน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอากาศหนาวที่กำลังมาเยือนนั่นเอง

โรคปอดบวม คืออะไร

โรคปอดบวม หรือโรคปอดอักเสบ (pneumonia) คือ โรคติดเชื้อที่ปอด ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบ ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ส่วนอาการปอดบวมนั้น จะพบว่าผู้ป่วยมักมีอาการต่างๆ เช่น ไอแบบมีเสมหะ เจ็บหน้าอกเวลาหายใจหรือไอ หายใจแล้วรู้สึกเหนื่อย หอบ ทำให้หายใจลำบาก มีไข้หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย สำหรับผู้สูงวัยจะมีอาการซึม มึนงง อุณหภูมิในร่างกายจะต่ำกว่าปกติ และในเด็กเล็กอาจมีอาการท้องอืด ซึม อาเจียน จนไม่ยอมดูดนม นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และถ้าหายใจไม่ออกอยู่นาน จนร่างกายขาดออกซิเจน อาจทำให้หมดสติได้ในที่สุด

สาเหตุของโรคนี้

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคปอดบวมนั้น มีดังนี้

1.ปอดบวมจากการติดเชื้อ 

พบว่า ผู้ที่เป็นโรคปอดบวมนั้น ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการติดเชื้อ โดยเมื่อมีเขื้อโรคเข้าสู่ปอด จะทำให้เกิดการอักเสบที่ถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบ ซึ่งเชื้อที่พบก็ต่างชนิดกัน โดยขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละคน รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่พบเชื้อ เช่นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคปอดบวมมาจากเชื้อ สเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียอี ส่วนเชื้อราจะพบในผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัว เช่นเป็นโรคเบาหวาน ไตวาย และการติดเชื้อจากไวรัส มักพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5ปี 

2.ปอดบวมที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ

ภาวะปอดบวมนั้นยังเกิดจากการสูดดมสารพิษและสารเคมีเข้าไป จนทำให้ระบบทางเดินหายใจเกิดอาการระคายเคืองขึ้น เช่น ฝุ่น ควัน แอมโมเนีย นอกจากนี้ การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาเคมีบำบัด และยาบางประเภท ก็มีผลทำให้ปอดอักเสบได้

วิธีรักษาโรคปอดบวม

แพทย์จะรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวม โดยแยกเป็นการรักษาตามอาการทั่วไป และการรักษาเฉพาะจากชนิดของเชื้อโรค ดังนี้

1.การรักษาอาการทั่วไป 

ในขั้นต้น เป็นการรักษาตามอาการทั่วไปของผู้ป่วยโรคปอดบวม เช่นให้ยาลดไข้ สารน้ำทางหลอดเลือด ออกซิเจน ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ รวมทั้งการทำกายภาพทรวงอกร่วมด้วย เพื่อช่วยขับเสมหะออกจากปอดและหลอดลมให้ดีขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรให้ยากดอาการไอ โดยเฉพาะในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี เนื่องจากตัวยากดการไอ อาจส่งผลให้มีเสมหะคั่งค้างในปอดมากขึ้น จนเป็นอันตรายได้ 

2.การรักษาเฉพาะ

การรักษาเฉพาะนั้น เป็นการรักษาโรคปอดบวมที่เกิดจากการติดเชื้อชนิดต่างกัน โดยถ้าเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะเลือกใข้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับแบคทีเรียชนิดนั้นๆ ส่วนการติดเชื้อจากไวรัส จะไม่มียารักษาเฉพาะ จึงเป็นการรักษาตามอาการ ร่วมกับการบำบัดรักษาระบบทางเดินหายใจ เช่น การเคาะปอด การดูดเสมหะ ซึ่งตามปกติแล้ว การติดเชื้อจากไวรัสนั้น จะสามารถหายเองได้ภายใน 1-3 สัปดาห์ แต่ถ้ามีอาการแทรกซ้อนขึ้น จำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

วิธีป้องกันปอดบวม ทำได้อย่างไร

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นโรคปอดบวม จึงต้องมีวิธีการป้องกันตนเองจากโรค ดังต่อไปนี้ 

1.ฉีดวัคซีน 

แพทย์แนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งได้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือมีโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี โรคหอบหือ โรคเบาหว่าน เข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งสามารถช่วยลดอัตราการเกิดโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อได้ เช่นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบนั่นเอง 

2.ไม่ไปอยู่ในที่แออัด

ไม่ควรพาลูกเข้าไปอยู่ในที่มีคนมากๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงพยาบาล โดยเฉพาะเด็กเล็กควรหลีกเลี่ยงสถานที่ดังกล่าว หรือถ้าจำเป็นต้องไปในที่มีคนพลุกพล่าน ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการรับและแพร่เชื้อโรค

3.ดูแลสุขอนามัยของตนเอง

การล้างมือบ่อยๆ ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ จึงควรหมั่นล้างมือให้ลูกทุกครั้งก่อนและหลังกินข้าว ก่อนและหลังเข้าห้องน้ำ รวมทั้งหลังกลับมาจากนอกบ้าน ควรล้างมือเสมอ

4.ไม่สูบบุหรี่

บุหรี่นั้นสามารถเข้าไปทำลายกระบวนการป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจตามธรรมชาติของปอด ดังนั้นจึงไม่ควรสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีควันบุหรี่ ควันไฟ และควันจากท่อไอเสียอีกด้วย

5.สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

เราสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงได้หลายวิธี เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆ เช่น เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สวมใส่เสื้อผ้าหนาวๆ เมื่ออากาศหนาวเย็น และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

โรคปอดบวม ป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้แข็งแรง และเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ โดยไม่ปล่อยให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นเสียก่อน เพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

บทความแนะนำเพิ่มเติม
1. 5 โรคอันตรายในเด็ก ที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง

2. 7 โรคร้ายแรงในเด็กที่มากับฤดูหนาว พ่อแม่เตรียมตัวรับมือให้พร้อม !!!

3. รู้เท่าทันโรคปอดบวม ปอดอักเสบ สาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของเด็กไทย

เรียบเรียงโดย Mamaexpert Editorial Team