สุดเศร้า! หญิงท้อง 3 เดือน ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต กลางทุ่งนา

07 June 2019
1970 view

เป็นที่น่าเศร้า หลังมีข่าวแม่ท้องท่านหนึ่งเสียชีวิต เมื่อเธอไปทุ่งนากับสามี แต่กลับเหมือนมีลมกระโชก คล้ายมีฝน สามีบอกกลับบ้านกันก่อน แต่เธอยืนยันอยากให้ปั้นคูนาให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องทำหลายวัน เพียงเวลาไม่นานจากนั้นสามีต้องเสียภรรยา และลูกไปพร้อมกัน รายละเอียดเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลยค่ะ

เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. (วันที่ 7 มิถุนายน 2562) เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า มีเหตุหญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่หมู่บ้านใหม่พัฒนา ม.11 ต.ชีลอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต บริเวณกลางทุ่งนาบ้านเมืองเก่า ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ และทางญาติได้นำศพกลับบ้านมาบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่บ้านเกิดในหมู่บ้านใหม่พัฒนา ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือนางสาวเดือนเพ็ญ คลาดโรค อายุ 34 ปี ซึ่งญาติได้นำเสื้อผ้าที่เธอสวมขณะถูกฟ้าผ่ามาที่งานด้วย สภาพขาดแหว่งทั้งชุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกของญาติ และผู้มาร่วมงาน

จากการสอบถามนายสุระ คลาดโรค อายุ 32 ปี ผู้เป็นสามีกล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (6 มิถุนายน 2562) ตนและภรรยาไปทุ่งนา เพื่อปั้นคูนากั้นน้ำในนา ซึ่งทุ่งนาอยู่ในพื้นที่บ้านเมืองเก่า ก่อนเกิดเหตุสลดดังกล่าว เป็นช่วงเวลาใกล้ค่ำ เริ่มมีฝนตกลงมา ตนได้ชวนภรรยากลับบ้าน แต่เธอตอบกลับมาว่าเหลืออีกนิดเดียวทำให้เสร็จก่อนก็ได้ ไม่นานหลังจากนั้นมีลมพัดกระโชกแรง และมีฟ้าร้องเป็นระยะ

นายสุระ เล่าต่ออีกว่า หลังจากตกลงกันเสร็จตนเดินกลับไปทำงานต่อให้เสร็จ ก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่ามาใกล้ๆบริเวณที่ตนอยู่ ตนก็ไม่เอะใจจนมีเจ้าของที่นาบอกว่า ภรรยาถูกฟ้าผ่า ตนรีบวิ่งไปดูพบร่องรอยฟ้าผ่าลงที่ตัวภรรยา ก่อนนำส่งโรงพยาบาลชัยภูมิ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา  เดิมตนและภรรยา มีลูกทั้งหมด 4 คน โดยคนล่าสุดนั้นอยู่ในท้องอายุครรภ์ 3 เดือน แต่กลับมาเสียทั้งสองไปจากเหตุการณ์ครั้งนี้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ต้องตระหนัก เพราะไม่รู้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ วันนี้ Mamaexpert มีข้อมูลเกี่ยวการถูกฟ้าผ่า (ขอบคุณข้อมูลจาก : สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) มีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

1.อย่าเข้าไปในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง วิธีเลี่ยงที่ดีที่สุดคืออย่าเข้าไปในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าอยู่ใกล้ต้นไม้สูง และพยายามหลบเข้าอาคาร หาที่กำบังที่เป็นลักษณะอาคาร แต่ถ้าติดอยู่ในที่โล่งแจ้งก็ให้ทำตัวเองให้เตี้ยที่สุด รวมถึงหลีกเลี่ยงการพกพาสื่อนำไฟฟ้าที่เป็นโลหะ

2.อยู่ในอาคารที่มีสายล่อฟ้าปลอดภัยกว่าอาคารที่ไม่มีสายล่อฟ้า วิธีป้องกันตัวเราจากฟ้าผ่าได้ดีที่สุดคือ การอยู่ในอาคารที่มีสายล่อฟ้าระหว่างเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่า แต่การอยู่ในอาคารที่ไม่มีสายล่อฟ้าก็จะไม่ช่วยให้เกิดความปลอดภัยจากฟ้าผ่าได้เลย ส่วนการขับรถหรืออยู่ในรถระหว่างมีฟ้าร้องฟ้าผ่านั้น เชื่อว่ามีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้น้อย ซึ่งน่าจะเพราะเป็นรถยนต์มีโลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ไม่ดีนัก

“โดยทั่วไปแล้วโลหะทั้งหลายจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี เช่น เงินและอลูมิเนียม หากเราสวมหรือถืออุปกรณ์โลหะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นจี้ หรือสร้อยโลหะ หรือแม้กระทั่งร่มที่มีปลายโลหะยอดแหลมในที่โล่งแจ้ง เช่น กลางทุ่งนา ในระหว่างที่เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าก็มีโอกาสเกิดฟ้าผ่าได้ ทั้งนี้ต้นไม้ใหญ่กลางที่โล่งแจ้งก็มีโอกาสชักนำให้เกิดฟ้าผ่าได้มากเช่นกัน ซึ่งฟ้าผ่ามักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงรอยต่อฤดูกาลคือ รอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูฝนที่มีโอกาสเกิดมากที่สุด และรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว”

3.ไม่ควรเปิดทีวีระหว่างฟ้าร้องฟ้าผ่า การใช้เครื่องไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าว่าไม่ควรเปิดโทรทัศน์โดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดฟ้าผ่ามาที่เสาอากาศนอกบ้านซึ่งเชื่อมต่อกับโทรทัศน์ หากเกิดฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าปริมาณสูงจะไหลเข้าที่โทรทัศน์มาก ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และได้รับความเสียหายได้ เว้นแต่โทรทัศน์ที่มีการต่อสายดิน ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงลงได้          

4.หากอยู่ที่โล่งให้นั่งยองๆ ขาชิดกัน เลี่ยงการอยู่กลางแจ้งก็เพียงพอแล้วสำหรับการป้องกันตัวเองจากภัยฟ้าผ่า และการอยู่ในรถยนต์ก็ปลอดภัยพอสมควร ส่วนกรณีที่อยู่กลางแจ้งและไม่สามารถหาที่ที่เหมาะสมกว่าได้ ก็ให้นั่งทำตัวอยู่ต่ำมากที่สุดคือ นั่งยองๆ ขาชิดกันที่พื้น แต่ห้ามนอน ซึ่งวิธีนี้ก็จะลดความเสี่ยงได้มาก เพราะจะช่วยลดค่าความต่างศักย์ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ โดยข้อห้ามหนึ่งระหว่างเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าคือ ห้ามอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะฟ้ามักจะผ่าลงที่สูง การหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่จึงไม่ปลอดภัย

“ตามสถิติฟ้าผ่ารุนแรงที่สุดจะมีกระแสไฟฟ้ามากถึง 2 แสนแอมแปร์ โดยทั่วไปหากคนเราโดนฟ้าผ่าก็จะตายสถานเดียว เพราะจะมีความร้อนจำนวนมากไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายไปพร้อมๆ กับกระแสไฟฟ้า ทำให้น้ำในเซลล์ระเหยออกมาและทำให้เซลล์แห้งตาย โดยหากกระแสไฟฟ้าไหลเข้าหัวใจๆ เซลล์หัวใจก็จะไหม้และหัวใจจะหยุดเต้น จึงไม่สามารถจะช่วยชีวิตได้ ส่วนในรายที่โชคดีจริงๆ ซึ่งรอดจากฟ้าผ่าได้ ก็เนื่องมาจากกระแสไฟฟ้าไม่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกายหรือไหลเข้าสู่ร่างกายน้อย แต่กระแสไฟฟ้าส่วนมากจะไหลจากผิวหนังไปลงดิน ทำให้มีบาดแผลเป็นรอยไหม้ที่ผิวหนังเท่านั้น”

5.เก็บ “มือถือ” สื่อล่อฟ้า อยู่ในอาคารที่มีระบบป้องกันฟ้าผ่า และไม่ควรพกพาวัสดุวัสดุที่เป็นโลหะ เนื่องจากจะมีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้มาก ส่วนโทรศัพท์มือถือก็เป็นสื่อล่อฟ้า เนื่องจากมีแผ่นโลหะ สายอากาศและแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนผสมของโลหะ

อย่างที่บอกไปว่าอุบัติเหตุเราไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ หรือเกิดขึ้นกับใคร ยิ่งเป็นเรื่องของดิน ฟ้า อากาศ ยิ่งไม่สามารถคาดเดาได้เลย ดังนั้นหากคาดว่าจะมีเหตุฝนฟ้าคะนอง ที่เสี่ยงต่อการมีฟ้าผ่า ควรปฏิตนตามข้อปฏิบัติ 5 ข้อข้างต้น ด้วยความห่วงใยจาก Mamaexpert และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วยค่ะ

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team

ขอบคุณภาพ/ข้อมูลจาก : ข่าวสด