อาการคนท้อง
อาการคนท้องหรืออาการของคนที่กำลังจะตั้งครรภ์นั้นมีหลากหลายอาการซึ่งแต่ละคนก็อาจจะมีอาการที่คล้ายๆกัน หรืออาจจะไม่เหมือนกันและแตกต่างกันออกไป วันนี้ mamaexpert มีวิธีสังเกต และพิสูจน์ว่าอาการเหล่านี้คืออาการของคนท้องมาฝากค่ะ
อาการคนท้อง 11 ประการที่เป็นลักษณะบ่งบอกว่าตั้งครรภ์
- การขาดประจำเดือนถ้าคุณเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ อาการปกติที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์หรืออาการคนท้องคือ ประจำเดือนไม่มาภายหลังปฏิสนธิได้ 2 สัปดาห์ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีประจำเดือนมา ไม่สม่ำเสมอ อาจเป็นสาเหตุอื่นก็ได้ที่ทำให้ประจำเดือนคุณขาดหายไป เช่นมีความ เครียดจากการทำงาน, มีความวิตกกังวลมาก หรือไม่สบาย ก็ไม่แน่ว่าคุณจะตั้งครรภ์ ในบางรายที่ตั้งครรภ์แล้ว อาจมีเลือดออกเล็กน้อยทางช่องคลอดในช่วงเวลาที่ครบรอบเดือน
- เจ็บ ตึง คัดเต้านม ขนาดของเต้านมจะเริ่มขยายขึ้น หัวนมเจ็บและไวต่อสิ่งสัมผัส มีเส้นเลือดดำสีเขียวๆ ปรากฏขึ้นที่บริเวณผิวหนังรอบเต้านม หัวนมมีสีคล้ำขึ้นและตั้งชู
- ปัสสาวะบ่อยขึ้นฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์มีผลทำให้เลือดมาคั่งในเชิงกรานมาก เพื่อไปหล่อเลี้ยง ตัวอ่อนมากขึ้น ระบบปัสสาวะที่ต่อเนื่องถึงกันจึงได้รับผลกระทบไปด้วย กระเพาะปัสสาวะ จึงระคายเคืองและบีบตัวบ่อยขึ้น ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย รวมทั้งต้องลุกมาเข้าห้องน้ำใน ตอนกลางคืนบ่อยๆ ด้วย
- ท้องผูกกว่าปกติก็เป็นหนึ่งในอาการคนท้อง
- มีอาการตกขาวเล็กน้อยมีมูกขาวๆ ออกมาจากช่องคลอด โดยไม่มีอาการแสบ หรือคันบริเวณช่องคลอดแต่อย่างใด
- รู้สึกเหนื่อยง่าย อยากหลับตลอดเวลานอกจากตอนเย็นหลังเลิกงานแล้วยังเหนื่อยล้าในตอนกลางวันอีกด้วย อาการเช่นนี้ดีสำหรับคุณแม่ เพราะเท่ากับช่วยลดกิจกรรมต่างๆ ลงทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จะได้พบปะเจอะเจอผู้คนน้อยลง หรือไม่ค่อยอยากเดินทางไปไหนมาไหน ช่วยให้คุณแม่ได้รับเชื้อโรคและสารพิษจาก สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษน้อยลง
- รู้สึกขมๆ เฝื่อนๆ มีรสชาติแปลกๆ ในปาก
- รู้สึกเหม็น ทนไม่ได้กับบางสิ่งบางอย่าง เช่น ควันบุหรี่, เหล้า, กาแฟ, อาหารที่มีไขมัน, กลิ่นเนื้อสด, ฯลฯ ผลของการตั้งครรภ์ทำให้จมูกคุณแม่ไว และตอบสนองต่อกลิ่นต่างๆ มากขึ้น บางคนได้กลิ่นอาหารที่เคยชอบก็อยากอาเจียน, บางคนแพ้ กลิ่นน้ำหอมที่ตัวเองเคยใช้เป็นประจำ, บางคนไปจ่ายตลาดเดินผ่านร้านขายเนื้อวัวสด, เนื้อหมู ไม่ได้เลย แค่เห็นก็ทนไม่ไหวแล้ว, บางคนแค่เปิดตู้เย็นเจอกลิ่นอาหารในตู้เย็นก็รู้สึกแย่ บางรายก็แพ้กระทั่งกลิ่นของสามีตัวเอง!
- มีอาการแพ้ท้อง เป็นอาการที่พบบ่อยมากจนเป็นสัญลักษณ์ของอาการคนท้องหรือการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่มีอาการคลื่นไส้ อยาก อาเจียนหลังตื่นนอนในตอนเช้า บางรายอาจเป็นในช่วงเย็นๆ บางรายมีอาการต่อเนื่องกัน ตลอดทั้งวัน (แย่หน่อย) โดยเฉพาะตอนที่ท้องว่าง บางทีหิวแต่กินไม่ได้มาก ทำให้เกิด อาการวิงเวียนจะเป็นลม เนื่องจากมีน้ำตาลในเลือดต่ำ
- กินอาหารไม่อร่อย หรืออยากกินของแปลกๆ ฮอร์โมนที่เพิ่มระดับขึ้นในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ทำให้การรับรู้รสชาติของคุณแม่เปลี่ยน แปลงไป ทำให้รู้สึกกินไม่อร่อย ทั้งที่เป็นของที่เคยชอบมาก่อน บางทีอยากกินของแปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงอยากกิน อาการแบบนี้ก็เป็นอีกสาเหตุของอาการคนท้อง
- มีอารมณ์อ่อนไหวหรือแปรปรวนง่าย ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง บางครั้งได้ยิน ได้ฟังเรื่องเศร้าๆ ก็ร้องไห้ น้ำตาซึม หรือปล่อยโฮ ดูหนังเศร้าก็ร้องไห้เสียใจ โดยที่เมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้ ผู้หญิงบางรายอาจไม่มีอาการดังกล่าวนี้เลย แต่ก็ “ทราบ” ว่าตนเองตั้งครรภ์ ก็เป็นได้เช่นกัน
อาการคนท้องที่บอกได้จากการตรวจและการวินิจฉัย
เมื่อสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ หรืออาการที่เป็นอยู่คืออาการของคนท้อง คุณควรตรวจด้วยตนเองหรือไปรับการตรวจจากแพทย์เพื่อยืนยัน ว่ากำลังตั้งครรภ์ให้ชัดเจน ซึ่งมีวิธีดังนี้
- โดยการตรวจปัสสาวะ คุณอาจตรวจด้วยตนเองก็ได้ โดยซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์สำเร็จรูป ซึ่งมีขายตามร้านขายยาทั่วไป ชุดทดสอบนี้ประกอบด้วยสารละลายเคมี ซึ่งนำมาผสมกับน้ำปัสสาวะ 2-3 หยด แล้วเปรียบเทียบดูสีที่ เปลี่ยนไป เป็นการบอกว่าตั้งครรภ์หรือไม่ หากทำตามขั้นตอนอย่างถูกวิธี จะให้ผลที่ค่อนข้างน่า เชื่อถือ 90% การทดสอบเริ่มทำได้โดยการนำน้ำปัสสาวะของแรกที่ประจำเดือนไม่มาเป็นต้นไป ซึ่งอยู่ในระยะ 2 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิมาทดสอบ ผลการทดสอบที่บอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์มัก ถูกต้องแม่นยำ ส่วนผลที่บอกว่าคุณไม่ตั้งครรภ์มักเชื่อถือได้น้อยกว่า ฉะนั้นคุณควรรออีก 1 สัปดาห์แล้วจึงทำการทดสอบอีกครั้งหรือไปพบแพทย์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์
- การตรวจภายใน ถ้าประจำเดือนขาดเกิน 1-2 เดือนแล้ว แพทย์อาจใช้การตรวจภายในเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ โดยช่องคลอดและปากมดลูกจะมีสีม่วงคล้ำเพราะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงจำนวนมาก และมดลูกโตจน คลำได้ชัดเจน การตรวจภายในยังช่วยสำรวจความผิดปกติว่ามีก้อนเนื้องอกที่มดลูกหรือรังไข่ได้อีกด้วย
- การตรวจเลือดควรพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดเพื่อดูระดับ Beta HCG ถูกสร้างขึ้นมาจะเข้าไปในกระแสเลือดจะมีความเข้มข้นมากขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น
อาการคนท้องเริ่มแสดงอาการเมื่อไหร่
เมื่อมีการตกไข่ ไข่จะมีอายุให้เชื้ออสุจิมาปฏิสนธิได้เพียง 1 วันเท่านั้น เมื่อปฏิสนธิแล้วจะแบ่งตัวและเดินทางมาที่โพรงมดลูก ฝังตัวเข้ากับเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ 7 หลังการปฏิสนธิ เมื่อตัวอ่อนฝังตัว เราถือว่าเริ่มตั้งครรภ์ ตัวอ่อนจะเริ่มสร้างฮอร์โมน Beta HCG เพื่อกระตุ้นให้รังไข่สร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ทำให้เยื่อบุมดลูกสมบูรณ์มากขึ้นBeta HCG ถูกสร้างขึ้นมาจะเข้าไปในกระแสเลือด จะมีความเข้มข้นมากขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น และจะขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะเราใช้ฮอร์โมน Beta HCG ในการตรวจภาวะการตั้งครรภ์โดยการเจาะเลือด ตั้งแต่วันที่ 9-10 หลังจากปฏิสนธิ และตรวจโดยการใช้ชุดตรวจปัสสาวะ ตั้งแต่วันที่ 15 เป็นต้นไป หลังจากวันดังกล่าว ความชัดเจนจะยิ่งมีมากขึ้นดังนั้น ถ้าเราทราบวันตกไข่ หรือวันปฏิสนธิเราก็จะรู้ว่าควรจะตั้งครรภ์ได้เมื่อไรในกรณีที่ไม่ทราบวันตกไข่ ทราบแต่วันมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย ก็พอจะประยุกต์ใช้ได้คือ เมื่อมีเพศสัมพันธ์และเชื้ออสุจิเข้าไปที่ปากมดลูก มันอาจจะมีชีวิตรอปฏิสนธิได้นานที่สุด 5 วัน หมายความว่า ถ้าไข่ตกภายใน 5 วัน หลังการมีเพศสัมพันธ์ ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ ถ้าเกินนั้นไม่ควรจะมีการตั้งครรภ์ ดังนั้น ถ้ามีการตั้งครรภ์ ควรตรวจเลือดเป็นบวกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 15 วัน หรือตรวจปัสสาวะเป็นบวก หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 20 วันขึ้นไป ถ้าตรวจแล้วเป็นลบก็แปลว่าไม่ตั้งครรภ์ ตัวอย่าง เช่น ไม่ทราบวันตกไข่ มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 1 มกราคม ไข่ที่ตกวันที่ 1-5 มกราคม มีโอกาสได้รับปฏิสนธิ ไข่ที่ตกวันที่ 6 มกราคม หรือหลังจากนั้นไม่ควรได้รับการปฏิสนธิ ดังนั้น ถ้าตรวจเลือดวันที่ 15 มกราคมหรือตรวจปัสสาวะวันที่ 20 มกราคม ก็จะบอกได้เลยว่าตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1. พัฒนาการทารกในครรภ์ 1 เดือน แม่ท้อง 1 เดือนลูกเป็นอย่างไร
2. 9 คำถามยอดฮิตกับการเบิกค่าคลอดประกันสังคม คนมีลูกต้องรู้ทัน!
3. 13 การเปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ การดูแลตนเองของแม่ท้องอย่างถูกต้อง
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Edutorial Team