เนื่องจากปัจจุบันด้วยเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ข้าวของก็แพงขึ้นเท่าตัว ทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงลูก จึงต้องจ้างเลี้ยง หรือให้ญาติผู้ใหญ่ที่บ้านดูแลแทน เช่นเดียวกับสามีภรรยคู่นี้ที่ฝากลูกให้ตากับยายเลี้ยง และเมื่อถึงหยุดวันเสาร์-อาทิตย์จึงจะรับลูกกลับมาเลี้ยง ปกติหนูน้อยเป็นคนทานเก่ง แต่กว่าหนึ่งเดือนแล้วที่หนูน้อยทานอาหารน้อยลง
แต่บ่ายวันอาทิตย์แม่ของเด็กก็ให้นมลูกทานตามปกติ แต่หนูน้อยอาเจียนออกมาหมด ช่วงแรกก็อาเจียนออกมาเป็นนมสักพักก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ครอบครัวตกใจเป็นอย่างมาก จึงรีบพาหนูน้อยไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับการตรวจจากแพทย์ก็พบว่า “เด็กมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร” จากการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (HP)
แพทย์ได้สอบถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันและการรับประทารอาหารของเด็ก คุณยายได้บอกกับแพทย์ว่า ยายมักจะใช้ตะเกียบของตัวเองป้อนอาหารให้เด็ก และบางทีก็กัดอาหารเป็นชิ้นเล็กๆก่อนป้อนให้หนูน้อย ซึ่งก็ได้ทราบสาเหตุเป็นเพราะเด็กติดเชื้อมาจากคุณยาย ซึ่งคุณยายมีโรคชนิดหนึ่งโรคนี้ไม่มีผลกับผู้ใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับเด็กแล้ว อาจได้รับผลกระทบหนัก
แพทย์ให้คำแนะนำว่า
1. ไม่ควรหอมบริเวณปากของเด็ก โดยเฉพาะช่วงที่เป็นหวัด หรือเป็นโรคอุจจาระร่วง โรคภายในช่องปาก และโรคตาแดง เพราะเด็กอาจติดเชื้อได้ และที่สำคัญควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนจะหอมเด็กอ่อน เนื่องจากในส่วนผสมของเครื่องสำอางหลายชนิดอาจทำให้ผิวเด็กแพ้และระคายเคืองได้
2. ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับเด็ก และที่สำคัญไม่ควรใช้น้ำล้างหน้าร่วมกัน
3. ไม่ควรป้อนอาหารให้เด็กอ่อนจากปาก หากอาหารมีชิ้นใหญ่ ให้ใช้อุปกรณ์ หรือช้อนส้อมที่สะอาด ทำอาหารให้เป็นชิ้นเล็กๆ
4. ไม่ควรใช้ช้อนส้อม แก้วน้ำร่วมกับเด็ก ผู้ใหญ่และเด็กควรแยกกันใช้
5. ไม่ควรให้เด็กรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด เพื่อหลีกเลี่ยงกระเพาะอาหารของเด็กอาจได้รับความเสียหาย
ด้วยความเป็นเด็กเล็กทำให้ภูมิคุ้มกันโรคต่างๆยังไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่าย ถือเป็นเรื่องราวที่ใช้เป็นอุทธาหรณ์ได้อย่างดี บางครั้งการกระทำที่คาดไม่ถึงอาจก่อให้เกิดอันตรายกับลูกหลานได้
ขอบคุณที่มาจาก doo-deedee.com